ดิอาซ วัย 28 ปี เซ็นสัญญากับบาเยิร์นเป็นระยะเวลา 4 ปี พร้อมออปชันขยายเพิ่มอีก 1 ปี โดยการย้ายทีมครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากลิเวอร์พูลได้รับข้อเสนอที่ดีขึ้นและมองว่าเป็นมูลค่าที่เหมาะสมกับฝีเท้าของดาวเตะโคลอมเบีย ซึ่งเคยแสดงเจตจำนงชัดเจนว่าต้องการย้ายออกจากแอนฟิลด์ตั้งแต่ซัมเมอร์ปีที่แล้ว

แม้สโมสรจะพยายามเจรจาสัญญาใหม่แทนฉบับเดิมที่เหลือถึงปี 2027 แต่การเจรจาไม่คืบหน้า ขณะที่ข้อเสนอจากบาเยิร์นมาพร้อมโบนัสเพิ่มเติมที่มีโอกาสได้รับจริง ทำให้ลิเวอร์พูลตัดสินใจปล่อยตัวแบบไม่ลังเล

ดิอาซ ลงเล่นให้ลิเวอร์พูลไปทั้งหมด 117 นัด ยิงได้ 17 ประตูในฤดูกาลล่าสุด และมีบทบาทสำคัญในทีมชุดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยที่ 20 ของสโมสร ถือเป็นหนึ่งในผู้เล่นคนสำคัญในยุคเปลี่ยนผ่านของทีม โดยเขาถูกจัดเป็นการขายที่แพงที่สุดอันดับ 3 ในประวัติศาสตร์ของลิเวอร์พูล รองจาก ฟิลิปเป้ คูตินโญ และ หลุยส์ ซัวเรซ ที่ย้ายไปบาร์เซโลนา

เช่นกัน ดิอาซถือเป็นนักเตะค่าตัวแพงที่สุดอันดับ 3 ของบาเยิร์น เป็นรองแค่ แฮร์รี เคน และ ลูคัส แอร์น็องเดซ เท่านั้น

แข้งโคลอมเบียโพสต์อำลาผ่านอินสตาแกรมว่า

“สามปีครึ่งที่ผมจะจดจำตลอดไป ผมมาที่นี่พร้อมความฝันมากมาย และจากไปด้วยความภูมิใจกับสิ่งที่เราสร้างร่วมกัน... มันคงเป็นการอำลาที่สมบูรณ์แบบ หากเราไม่ต้องสูญเสียเพื่อนร่วมทีมอย่าง ดิโอโก โชตา ไปอย่างน่าเศร้า ผมจะไม่มีวันลืมเขา พวกเราทุกคนจะไม่มีวันลืมเขา ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง YNWA”

ดีลนี้ยังทำให้ลิเวอร์พูลทำกำไรถึง 26 ล้านยูโร จากการคว้าตัวดิอาซมาจากปอร์โต้ในปี 2022 ด้วยค่าตัวเบื้องต้น 45 ล้านยูโร และเงื่อนไขโบนัสอีก 15 ล้านยูโร (โดยจ่ายไปแล้วเพียง 4 ล้านยูโร) ทั้งนี้ ปอร์โต้ไม่มีเงื่อนไขส่วนแบ่งการขายในดีลนี้

นับตั้งแต่ ริชาร์ด ฮิวจ์ส เข้ารับตำแหน่งผู้อำนวยการกีฬาคนใหม่ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ลิเวอร์พูลทำรายได้จากการขายนักเตะได้กว่า 190 ล้านปอนด์ ขณะเดียวกันได้ลงทุนเสริมทัพไปราว 300 ล้านปอนด์ รวมโบนัส

ลิเวอร์พูลยังคงให้ความสนใจ อเล็กซานเดอร์ อิซัค กองหน้าทีมชาติสวีเดน โดยยอมรับว่าการดึงตัวอิซัคจะต้องใช้ค่าตัวระดับสถิติใหม่ของเกาะอังกฤษ ซึ่งนักเตะเองก็ต้องการย้ายมาแอนฟิลด์ และหงส์แดงน่าจะมีศักยภาพการเงินเพียงพอหากสามารถปล่อยนักเตะอย่าง ดาร์วิน นูนเญซ, ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์, ไทเลอร์ มอร์ตัน และ เบน โด๊ค ออกไปได้ในช่วงซัมเมอร์นี้